ระบบ ERP คืออะไร? หาคำตอบ พร้อมไขกุญแจสู่การเติบโตของธุรกิจ

ERP ระบบที่จะช่วยให้การบริหารองค์กรของคุณง่ายขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงการทำงานแต่ละแผนกภายในองค์กรไว้บนระบบเดียว

ทำความรู้จักกับ 'ระบบ ERP'
ซอฟต์แวร์ทรงพลังเพื่อการเติบโตของธุรกิจ

สนามแห่งการแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับการเล่นเกม เมื่อ ‘ผู้อยู่รอดคือผู้ที่ปรับตัวได้เร็วที่สุด’ แต่การปรับตัวแบบไหนที่จะท่วงทันกับความเปลี่ยนแปลง ก็ยังคงเป็นโจทย์ที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในด้านการตลาด ความรู้ในการหาเงินลงทุน และการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำธุรกิจ สิ่งเหล่านี้นับเป็นความท้าทายที่จะพาธุรกิจเติบโต แล้วเทคโนโลยีมีส่วนรักษาความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจการเติบโตได้อย่างไร เราจะพามาหาคำตอบเกี่ยวกับระบบ ERP กุญแจสำคัญสู่การเติบโตของธุรกิจด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) คืออะไร?

E = Enterprise
R = Resource
P = Planning

​​ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) คือ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร ที่สามารถรวบรวมข้อมูลขององค์กรและเชื่อมโยงการทำงานระหว่างแผนกบนระบบเดียว จึงช่วยลดข้อผิดพลาดและความซับซ้อนในการทำงาน ทำให้ขั้นตอนการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

​ระบบ ERP ประกอบไปด้วยโมดูล (Module) การทำงานย่อย ๆ หรือแบ่งเป็นแต่ละแผนกนั่นเอง เช่น ระบบงานขาย ระบบจัดซื้อ ระบบคลังสินค้า ระบบบัญชีและการเงิน โดยแต่ละโมดูลสามารถทำงานเชื่อมกันได้ตาม Operation การทำงานของธุรกิจ ในธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องการเพียงไม่กี่โมดูลในช่วงเริ่มต้น แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพราะระบบ ERP มีความยืดหยุ่นและพร้อมรองรับการเติบโตเมื่อธุรกิจขยายตัว

จุดเด่นของระบบ ERP ตัวช่วยเพื่อธุรกิจทุกขนาด

​ด้วยความที่ระบบ
ERP มีโมดูลการทำงานที่ครอบคลุมทุกกระบวนการทำงานของธุรกิจ จึงเข้ามาช่วยให้การวางแผนและการบริหารทรัพยากรขององค์กรนั้นเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระบบ ERP มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ 3 ประการ

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ด้วยการเชื่อมโยงการทำงานของทุกแผนกไว้บนระบบเดียว

พัฒนาการทำงานร่วมกันของทีม

ด้วยการเป็นศูนย์กลางการทำงานและจัดเก็บข้อมูล

วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจได้อย่างแม่นยำ

ด้วยข้อมูลที่ถูกอัปเดตแบบถูกต้องและเรียลไทม์

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ ERP ได้ที่

3 จุดเด่นของ 'ระบบ ERP' ที่ทำให้ธุรกิจชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้งาน

ทำไมระบบ ERP จึงสำคัญกับธุรกิจของคุณ


​ระบบ ERP ทำหน้าที่เหมือนเป็น “ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ” แต่การจราจรนี้เป็นการจราจรสำหรับบริหารจัดการธุรกิจ โดย ERP จะเข้ามารวมศูนย์ข้อมูลและเป็นตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างประสบความสำเร็จ

​หากไม่มีระบบ ERP แผนกต่าง ๆ ภายในบริษัท มักมีการจัดการข้อมูลและใช้ซอฟต์แวร์ที่แยกจากกัน หรือเรียกว่าการทำงานแบบ Siloed โดยแต่ละแผนกก็จะมีวิธีการจัดการงานและดำเนินธุรกิจในแง่มุมที่แตกต่างกันด้วย ทำให้พนักงานมองไม่เห็นภาพรวมขององค์กร เพราะไม่เข้าใจ Workflow การทำงานภาพรวม ผู้บริหารจะนำข้อมูลไปปรับปรุงและวิเคราะห์ต่อก็เป็นเรื่องยาก


​ระบบ ERP ซึ่งมีจุดเด่นในการรวมศูนย์การทำงาน จึงเข้ามาและพัฒนาโซลูชันทั่วทั้งบริษัท ทำให้ทุกส่วนทุกแผนกสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้อย่างง่ายดาย มีข้อมูลที่เรียลไทม์ และทำให้ Operation การทำงานของธุรกิจดำเนินไปบน Workflow การทำงานเดียวกัน ทำให้การทำงานไหลลื่นและมี Productivity มากยิ่งขึ้นนั่นเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมระบบ ERP จึงสำคัญกับธุรกิจขนาด

โมดูลการทำงานในระบบ ERP ส่วนประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนและเชื่อมโยงธุรกิจ


ระบบ ERP มีโมดูลหรือชุดแอปพลิเคชันการทำงานให้เลือกมากมายตามความต้องการของธุรกิจ เราจึงขอยกตัวอย่างโมดูลที่เป็นที่นิยมใช้ในธุรกิจทุกขนาด ว่าจะสามารถเข้ามาช่วยแต่ละฝ่ายแต่ละแผนกในการทำงานได้อย่างไร

ระบบงานขาย (Sales) และ CRM


​ระบบ ERP สามารถเข้ามาจัดการกระบวนการขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่สามารถเข้ามาช่วยจัดการ Sales Pipeline และการตลาดได้ทั้งหมด ตั้งแต่การจัดการเอกสารสำคัญ อย่างการออกใบเสนอราคาและใบสั่งขาย การจัดการลูกค้าเป้าหมาย การติดตามโอกาส การคาดการณ์การขาย การจัดการแคมเปญ และยังสามารถจัดการทีมขายด้วยการตั้งเป้าหมายของทีมหรือตาม Sale แต่ละคน ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงกระบวนการการขายให้ตอบโจทย์กับลูกค้าและความต้องการของธุรกิจมากยิ่งขึ้น

ระบบจัดซื้อ (Purchase)


​ฝ่ายจัดซื้อนับว่าเป็นอีกส่วนสำคัญของบริษัท โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading Business) ที่จะช่วยควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบ ERP สามารถเข้ามาช่วยฝ่ายจัดซื้อจัดการเอกสารทั้งการทำใบขอซื้อ ใบสอบราคา และใบสั่งซื้อได้ในระบบเดียว และยังช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนและไม่จำเป็นของฝ่ายจัดซื้อลง เช่น การตั้ง Safety Stock เพื่อให้ระบบช่วยเปิดใบสั่งซื้อให้อัตโนมัติเมื่อถึงจุดสั่งซื้อ ทำให้ประหยัดเวลาและเพิ่ม Productivity ในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ระบบคลังสินค้า (Inventory)

 
​ระบบ ERP สามารถเข้ามาช่วยบริหารจัดการได้ทั้งคลังสินค้าและสต็อกสินค้า ทั้งการจัดการ Safety Stock ของสินค้าที่ต้องการ, การจัดการ Lot/Serial Number, การแปลงหน่วยสินค้า และรองรับการจัดการ Location ภายในคลังสินค้า รวมถึงรายงานต่าง ๆ ที่ช่วยให้การบริหารจัดการสต็อกทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รายงานสต็อกสินค้า ที่ช่วยให้คาดการณ์สต็อกได้อย่างแม่นยำ ทำให้ธุรกิจมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา

ระบบบัญชีและการเงิน (Accounting)


​ระบบบัญชีและการเงินเป็นส่วนที่สำคัญของธุรกิจทุกขนาด โดยระบบ ERP จะเข้ามาช่วยบันทึกทุกรายรับและรายจ่ายขององค์กรให้อยู่ในระบบเดียว ทำให้ง่ายต่อการจัดการบัญชี และสามารถเรียกดูรายงานได้อย่างครบถ้วน และยังสามารถนำเอกสารยื่นส่งกับสรรพากรได้อย่างสะดวกอีกด้วย

เมื่อไรที่ธุรกิจต้องทรานฟอร์มมาใช้ระบบ ERP?


​ผู้ประกอบการหลายรายอาจตั้งคำถามอยู่เสมอว่าเมื่อไรที่ธุรกิจของคุณควรเปลี่ยนมาใช้ระบบ ERP สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการต้องกลับมาทบทวนว่า แล้วสิ่งที่ธุรกิจคุณต้องการอยู่ตอนนี้คืออะไร? หากสัญญาณต่อไปนี้คือที่คุณกำลังเผชิญ ก็อาจจะเป็นคำตอบแล้วว่าตอนนี้องค์กรของคุณกำลังต้องการระบบ ERP

  • มื่อ.. โปรแกรมเดิมไม่ครอบคลุมการทำงาน และไม่รองรับการเติบโต

​โครงสร้างของธุรกิจมักประกอบไปด้วยหลายฝ่ายหรือหลายแผนก ทำให้ต้องมีหลายโปรแกรมเพื่อสอดรับกับการทำงาน เช่น โปรแกรมทางด้านบัญชี โปรแกรมดูแลจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) โปรแกรมออกใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ โปรแกรมจัดการสต็อก

​การใช้งานหลากหลายโปรแกรมมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถรองรับการเติบโต และเชื่อมโยงการทำงานของทุกฝ่ายหรือทุกแผนกเข้าด้วยกันได้ นำมาซึ่งปัญหาใหม่ ทั้งการไม่เชื่อมโยงกันของข้อมูล การทำงานที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างแผนก อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดของข้อมูล และยังต้องเสียเวลาไปกับการจัดการงานที่ไม่เกิดประโยชน์

  • เมื่อ.. ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่เชื่อมโยงกัน

​ถ้าทีมงานของคุณยังทำงานแบบ Manual บันทึกข้อมูลโดยทีมงานแต่ละคนหรือแต่ละฝ่าย ซึ่งอาจมีการบันทึกไว้คนละที่หรือคนละไฟล์ แน่นอนว่าทำให้เกิดการผิดพลาดได้ง่าย ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ข้อมูลกระจัดกระจายไม่เชื่อมโยงกัน ส่งผลให้ติดตามการทำงานของทีมงานแต่ละคนได้ยาก และที่แย่ที่สุดคือข้อมูลเหล่านั้นพร้อมที่จะหายไปได้ทุกเมื่อ

  • เมื่อ.. กระบวนการทำงานของทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพ

​เมื่อไม่มีระบบที่เข้ามาช่วยจัดการให้เกิดกระบวนการทำงานที่ดี จึงทำให้การกระบวนการทำงานภายในองค์กรไร้ประสิทธิภาพตามไปด้วย ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ทำให้พนักงานไม่ให้ความใส่ใจกับผลลัพธ์เป้าหมายของทีมหรือองค์กร เช่น

    • ขาดการสื่อสารกันระหว่างทีมหรือแผนก
    • ขาดความชัดเจนในกระบวนการทำงาน ไม่รู้ว่าเนื้องานนี้ต้องติดต่อใครหรือควรขอความช่วยเหลือจากใครเมื่อเกิดปัญหา
    • ผู้บริการ หัวหน้าแผนก ไม่สามารถเรียกดูรายงานได้แบบเรียลไทม์ ต้องรอขอ้มูลจากแต่ละแผนก
  • เมื่อ.. ลูกค้าไม่พึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ

​ธุรกิจอาจได้รับ Feedback จากลูกค้าเกี่ยวกับความไม่พึงพอใจในสินค้าหรือบริการ เนื่องจากการบริการที่ล่าช้า การส่งต่อข้อมูลเกิดความผิดพลาด การที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ทันท่วงที หรือการที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอเพื่อนำมาตัดสินใจในการให้บริการแก่ลูกค้า

ประโยชน์ของระบบ ERP ต่อธุรกิจ กุญแจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

  • เพิ่ม Productivity การทำงานให้กับธุรกิจของคุณ (Greater Productivity)

​ระบบ ERP สามารถช่วยให้ปรับปรุงกระบวนการทำงานด้วยฟังก์ชันการทำงานที่มีความ Automate มากขึ้น จึงช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นและซ้ำซ้อนลง ทำให้ประหยัดเวลาและข้อผิดพลาด เพิ่ม Productivity ในการทำงานมากยิ่งขึ้น

  • มีข้อมูลและรายงานที่เข้าใจง่ายและเรียลไทม์ (Easy and Real-Time Reporting)

​ในยุคที่การตัดสินล้วนต้องใช้ Data ระบบ ERP สามารถเข้ามาช่วยในการตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถเรียกดูรายงานของแต่ละฝ่ายแต่ละแผนกได้อย่างละเอียดและเรียลไทม์ หรือจะดูภาพรวมของธุรกิจก็สามารถทำได้บนระบบเดียว

  • มีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ (Increased Accuracy)

​การรวมข้อมูลทั้งหมดไว้บนระบบเดียวจะช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) และทำให้มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ พร้อมทั้งความปลอดภัยของข้อมูลที่สามารถกำหนดได้สิทธิ์ของผู้ที่เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้อีกด้วย

  • เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกที่ดีขึ้น ผู้บริหารมองเห็นภาพรวมขององค์กร (Better Interdepartmental Collaboration)

​แม้ว่าระบบ ERP จะแบ่งเป็นโมดูลย่อย ๆ ออกเป็นแต่ละแผนก แต่ข้อมูลก็สามารถเชื่อมกันได้ ทำให้ทั้งพนักงานและผู้บริหารต่างเห็นภาพรวมของธุรกิจ ซึ่งง่ายต่อการวางแผนและการตัดสินใจ ลดข้อผิดพลาด และมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจมากยิ่งขึ้น

  • รองรับการเติบโตและขยายขนาด (Scalability and Integrations)

​ERP ไม่เพียงแค่เข้ามาแก้ปัญหาในการทำงานร่วมกัน การปรับปรุงข้อมูล และการสรุปข้อมูลหรือรายงาน แต่ยังมีความสามารถในแบบที่ระบบอื่นยังไม่สามารถทำได้ คือ พร้อมรองรับการเติบโตสำหรับธุรกิจทุกขนาด เพราะระบบสามารถพัฒนาฟังก์ชันหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ต่อไปได้ ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องกังวล

ธุรกิจขนาดเล็กจะสามารถใช้ระบบ ERP ได้หรือไม่


​แม้ว่าการจัดการธุรกิจจะเพิ่มความซับซ้อนเมื่อบริษัทเติบโตขึ้น แต่ผลการสำรวจของ Forbes Advisor พบว่าในปี 2024 ธุรกิจ SMEs จำนวนมากต่างหันมาใช้ซอฟต์แวร์ ERP เพราะต้องเผชิญกับองค์ประกอบทางธุรกิจที่หลากหลาย เช่น การจัดการบัญชี การจัดการสินค้าคงคลัง และการจัดการงานขาย ระบบ ERP จึงเป็นตัวลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้

​รวมถึงปัจจุบันผู้ให้บริการ ERP ต่างพัฒนาระบบอยู่ในรูปแบบ Cloud ERP โดยให้บริการในรูปแบบ SaaS ที่ผู้ใช้งานสามารถชำระเงินสามารถได้ทันที และใช้งานผ่านเบราว์เซอร์หรือแอปได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบที่มักมีราคาแพง เพิ่มทางเลือกให้ SMEs ทุกขนาดใช้ระบบ ERP ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่าย และยังได้รับประโยชน์จากการที่ผู้ให้บริการอัปเดตเวอร์ชันและพัฒนาฟีเจอร์อยู่เป็นประจำ

ระบบ ERP ที่ได้รับความนิยมสำหรับธุรกิจ SMEs

SAP Business One

SAP Business One
​ระบบ ERP สัญชาติเยอรมัน ที่ได้รับความนิยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง โดยสามารถจัดการการทำงานได้ตั้งแต่กบัญชีและการเงิน การจัดซื้อ สินค้าคงคลัง การขาย และความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) แม้ SAP B1 จะเป็นระบบ ERP ที่มีมาตรฐานและความเสถียร แต่ในอีกด้านเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริการ ERP รายอื่น ๆ SAP B1 ใช้เวลาอย่างอย่างมากในการเรียนรู้ระบบ และมีราคาแพง ทำให้ SAP B1 อาจเป็นแบรนด์ที่เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางหรือธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังขยายขนาดอย่างรวดเร็ว และมีกำลังพอที่จะลงทุนกับค่าใช้จ่ายของระบบ

Odoo

Odoo ERP

Odoo ระบบ ERP สัญชาติเบลเยี่ยม โดดเด่นจากโมเดลการทำงานแบบโอเพ่นซอร์ส (Open-Source) แม้จะมีแพ็กเกจที่สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ฟรีเป็นทางเลือกสำหรับธรุกิจขนาดเล็ก แต่ Odoo เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่รวมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทางธุรกิจไว้บนระบบเดียว มีความยืดหยุ่นในการพัฒนาฟังก์ชันการทำงานให้ครอบคลุมสำหรับองค์กร โดย Odoo มีการทำงานร่วมกับ Odoo Partner ทั่วโลก ในพัฒนาระบบตามความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ เช่น Roots ผู้นำด้านการพัฒนา ERP
ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งเป็น Odoo Official Partner Thailand ที่มีการพัฒนาระบบให้องค์กรชั้นนำของไทยมากกว่า 10 ปี

BEECY

BEECY ERP
BEECY แพลตฟอร์มบริหารจัดการธุรกิจสำหรับองค์กรยุคใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อธุรกิจ SMEs ไทยโดยเฉพาะ โดย BEECY เป็นระบบ ERP ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญ โดยมี Odoo เป็นเฟรมเวิร์กในการพัฒนา สามารถพร้อมใช้งานได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบที่มักมีราคาสูง เหมาะสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading Business) และธุรกิจบริการทุกขนาด มาพร้อมโมดูลในการทำงานที่ครอบคลุมธุรกิจ ทั้งระบบงานขาย ระบบจัดซื้อ ระบบคลังสินค้า และระบบบัญชีและการเงิน สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้ทุกแผนก และใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ ตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการไทยยุคใหม่ที่ต้องการนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาใช้พัฒนาธุรกิจ

Microsoft Dynamics 365 Business Central

 Microsoft Dynamics 365 Business Central ​​
​เป็นซอฟต์แวร์ ERP ชั้นนำสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง เหมาะสำหรับบริษัทที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Microsoft เพราะสามารถเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft
ได้อย่างราบรื่น เช่น Power Apps และ Power BI และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่คุ้นเคยกับ Interface ของ Microsoft โดยมีแอปพลิเคชันที่หลากหลายเพื่อช่วยจัดการธุรกิจและสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ แม้ว่าจะมี Interface ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และใช้งานง่าย แต่หากธุรกิจมีกระบวนการและข้อกำหนดที่ซับซ้อน ก็อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาและเรียนรู้ระบบ

สรุป

​แม้ว่าระบบ ERP จะมีความสามารถในการจัดการงานที่ครอบคลุม แต่ก็ไม่ใช่ว่าระบบ ERP จากผู้ให้บริการทุกเจ้าจะตอบโจทย์การทำงานของทุกฝ่ายในองค์กร เพราะอาจต้องคำนึงถึงการปรับระบบเพิ่มเติมเพื่อให้เข้ากับขั้นตอนหรือกระบวนการทำงานของทีม โดยระบบ ERP ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป เช่น SAP, Microsoft Dynamics, Odoo ตามที่เราได้ยกตัวอย่างข้างต้น ต่างก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป ​ในขณะที่ระบบ ERP บางประเภทก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบอื่น ๆ เช่น ระบบ e-Commerce, ระบบการขายหน้าร้าน (Point of Sales)

​อย่างไรก็ตาม การนำระบบ ERP ไปปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานขององค์กร โดยไม่ใช้ตาม Standard ที่ระบบมีมาให้นั้น อาจต้องใช้เวลาและต้องอาศัยความร่วมมือของทีมงาน จึงต้องทำความเข้าใจระบบ ERP แต่ละเจ้าให้ดีก่อนตัดสินใจที่จะนำไปใช้กับองค์กร

​โดยสรุป ระบบ ERP เป็นซอฟต์แวร์อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีมาก ที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการงานขององค์กร ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรและการทำงานร่วมกันภายในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนด้วยกระบวนการที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น (Streamline Workflow) นำไปสู่การลดต้นทุนบางอย่างลงไปได้ รวมไปถึงการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้แม่นยำและสอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น


เปิดกล่องความสำเร็จของธุรกิจ
เริ่มต้นนำระบบ ERP มาใช้ในองค์กร

ระบบ ERP คืออะไร? หาคำตอบ พร้อมไขกุญแจสู่การเติบโตของธุรกิจ
Kittiya Thamma 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023
แชร์โพสต์นี้
แท็ก
Loading...