WMS ใน ERP: ตัวช่วยสำคัญเพิ่มประสิทธิภาพคลังสินค้า
เพื่อให้คลังสินค้าทำงานได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ที่ทำงานร่วมกับระบบ ERP อาจเป็นคำตอบสำหรับผู้ประกอบยุคใหม่ ที่จะเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจ
Table of Contents : เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้ตรงนี้เลย
- ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) คืออะไร?
- ความแตกต่างระหว่าง ระบบจัดการคลังสินค้าแบบเดิมกับแบบดิจิทัล
- ทำไมระบบจัดการคลังสินค้าจึงสำคัญกับธุรกิจ?
- ERP กับระบบจัดการคลังสินค้า ทำงานร่วมกันอย่างไร?
- ฟีเจอร์สำคัญของระบบจัดการคลังสินค้าใน ERP
- ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ใน ERP เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน?
- สรุป ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ใน ERP ช่วยธุรกิจได้อย่างไร?
ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) คืออะไร?
การบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม จัดการ และจัดระเบียบกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการรับสินค้าเข้ามา การจัดเก็บ การดูแลรักษาสินค้า การหยิบสินค้าตามคำสั่งซื้อ การบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงการนำส่งสินค้าถึงมือผู้รับปลายทางอย่างถูกต้อง
แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีได้รุดหน้าจนกลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับเหล่าผู้ประกอบการ นั่นคือ ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System หรือ WMS) เพื่อทำให้กระบวนการเหล่านี้ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น
โดย WMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ในการวางแผน ควบคุม และบริหารจัดการการภายในคลังสินค้าให้เป็นเป็นระบบและอัตโนมัติ ตั้งแต่การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ การจัดการคำสั่งซื้อ ไปจนถึงการจัดส่ง ทำให้การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจยุคใหม่
ความแตกต่างระหว่าง ระบบจัดการคลังสินค้าแบบเดิมกับแบบดิจิทัล
ระบบจัดการคลังสินค้าแบบเดิมมักมีการทำงานแบบแมนนวล จดบันทึกด้วยมือหรือใช้ Excel ในการบันทึกข้อมูล แตกต่างจากระบบจัดการคลังสินค้าแบบดิจิทัล (Digital WMS) ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการกระบวนการทำงาน โดยมีความแตกต่างกันใน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

ประสิทธิภาพ
ระบบดิจิทัลทำงานได้รวดเร็วกว่า ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและลดระยะเวลาในการทำงาน

ความแม่นยำ
การใช้เทคโนโลยีช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน ทำให้ข้อมูลสต็อกถูกต้องตรงกับความเป็นจริง

การเติบโต
ระบบดิจิทัลมีความยืดหยุ่น ปรับขนาดได้ง่าย รองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นเมื่อธุรกิจเติบโต
ทำไมระบบจัดการคลังสินค้าจึงสำคัญกับธุรกิจ?
สำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การมีระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดี จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดในคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมให้ธุรกิจก้าวทันทุกการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพราะคลังสินค้าไม่ใช่แค่ที่เก็บของ แต่เป็นศูนย์กลางสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อต้นทุน กำไร และความพึงพอใจของลูกค้า โดยประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากจากใช้ ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System) มีดังนี้
ลดความผิดพลาดในการจัดการสต็อก: เมื่อข้อมูลสต็อกในระบบแม่นยำตรงกับสินค้าจริง ปัญหาของขาดหรือเกิน การนับผิด หรือสินค้าสูญหายก็ลดลงไปด้วย
เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน: ระบบช่วยให้กระบวนการในคลัง ตั้งแต่รับเข้า จัดเก็บ หยิบ และจัดส่ง เป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว และเป็นระบบมากขึ้น ทำให้ใช้เวลาและทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า สามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันเวลา
ลดการสูญเสียและเพิ่มโอกาสทำกำไร: ข้อผิดพลาดที่ลดลงทำให้สินค้าเสียหายลดลง ส่งผลให้ต้นทุนส่วนนี้ลดลงตามปด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มผลกำไรได้
รองรับการเติบโตและขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง: ระบบที่ออกแบบมาอย่างยืดหยุ่นพร้อมรองรับปริมาณสินค้าและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจ จะช่วยให้บริหารจัดการงานได้โดยไม่ติดขัด เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ ในอนาคต
ERP กับระบบจัดการคลังสินค้า ทำงานร่วมกันอย่างไร?
โดยทั่วไป การบริหารจัดการคลังสินค้า หรือ Warehouse Management ถือเป็นส่วนหนึ่งหรือโมดูลที่รวมอยู่แล้วใน ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) การทำงานร่วมกันจึงเป็นการทำงานที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกันในระบบเดียว
เช่น ในระบบ BEECY ERP โมดูลจัดการคลังสินค้าจะดูแลเรื่องการรับเข้า การจัดเก็บ การหยิบ และข้อมูลสต็อกทั้งหมด ขณะที่ระบบ ERP หลักจะนำข้อมูลคลังสินค้านี้ไปเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่น ๆ เช่น คำสั่งซื้อจากลูกค้า การจัดซื้อ การผลิต การบัญชี และการเงิน เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งหมดและช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ประโยชน์หลักของการทำงานร่วมกันนี้คือ
การเชื่อมต่อข้อมูลสต็อกแบบเรียลไทม์: ข้อมูลสินค้าเข้า-ออก หรือยอดคงเหลือในคลังจะอัปเดตทันทีในระบบ ERP ทำให้ทุกแผนกที่เกี่ยวข้องเห็นข้อมูลล่าสุดเสมอ
การบริหารสินค้าคงคลังแบบอัตโนมัติ: ระบบสามารถตั้งค่าให้มีการเติมสต็อกอัตโนมัติเมื่อถึงจุดที่กำหนด หรือแจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด ช่วยลดงานแมนนวล
การติดตามสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ: สามารถตรวจสอบประวัติและสถานะของสินค้าแต่ละชิ้นได้ตลอดเส้นทาง ลดโอกาสสินค้าสูญหายหรือตกหล่น
การคำนวณต้นทุนและการจัดสรรสินค้า: ระบบช่วยในการคำนวณต้นทุนสินค้าที่ถูกต้อง และช่วยบริหารจัดการการจัดสรรสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการและคำสั่งซื้อต่าง ๆ
ฟีเจอร์สำคัญของระบบจัดการคลังสินค้าใน ERP
ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System หรือ WMS) ที่ถูกพัฒนาและรวมอยู่ในระบบ ERP มักมาพร้อมฟีเจอร์สำคัญมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟีเจอร์เด่น ๆ ได้แก่:
การตรวจสอบและติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์: ช่วยให้ทราบยอดสินค้าคงเหลือ สถานที่จัดเก็บ และสถานะของสินค้าได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ผ่านหน้าจอระบบ
ระบบ Barcode และ RFID: การใช้เทคโนโลยีสแกน Barcode หรือ RFID ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการรับเข้า จัดเก็บ และหยิบสินค้า ลดข้อผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลด้วยมือ
ระบบจัดการคำสั่งซื้อและการรับ/เบิกสินค้า: จัดลำดับความสำคัญของคำสั่งซื้อ วางแผนการรับสินค้าเข้า และนำทางพนักงานในการหยิบสินค้าได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว
การวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงาน: ระบบสามารถประมวลผลข้อมูลจากคลังสินค้า เพื่อสร้างรายงานสรุปภาพรวม ประสิทธิภาพการทำงาน หรือข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ และสามารถตั้งค่ารายงานให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคน
ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ใน ERP เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน?
ระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งของ ERP เหมาะกับธุรกิจที่ต้องจัดการกับสต็อกสินค้า มีความหลากหลายของสินค้า หรือมีกระบวนการเคลื่อนไหวของสินค้าที่ซับซ้อน โดยเฉพาะธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมสต็อก การจัดเก็บ การเบิกจ่าย การติดตามสินค้าตาม Lot หรือ Serial Number รวมถึงการกระจายสินค้าอย่างมีระบบ ธุรกิจเหล่านี้มักมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสินค้าคงคลังและวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างประเภทธุรกิจ เช่น:
ธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading): เน้นการบริหารสต็อกสินค้าให้แม่นยำ พร้อมขายและจัดส่งได้ทันที
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและค้าปลีก: ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการหยิบและแพ็คสินค้าจำนวนมากตามคำสั่งซื้อออนไลน์
ธุรกิจโลจิสติกส์และกระจายสินค้า: การจัดการคลังสินค้าเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ต้องควบคุมการเข้า-ออกและการกระจายสินค้าไปยังหลายปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจการผลิตและอุตสาหกรรม: ต้องบริหารจัดการวัตถุดิบ สินค้าสำเร็จรูป และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปภายในโรงงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้กระบวนการผลิตไหลลื่น
ธุรกิจอาหารและยา: มีข้อกำหนดเรื่องการติดตาม Lot สินค้า วันหมดอายุ และมาตรฐานการจัดเก็บที่เข้มงวด ซึ่งระบบ WMS ใน ERP ช่วยตอบโจทย์ได้ดี
สรุป ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ใน ERP ช่วยธุรกิจได้อย่างไร?
ระบบบริหารจัดการคลังสินค้าและระบบ ERP เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่จะทำให้การบริหารคลังสินค้าจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากและซับซ้อนอีกต่อไป เพราะระบบนี้ช่วยให้การจัดการสต็อกแม่นยำแบบเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดที่ไม่ควรจะเกิด และเพิ่มความรวดเร็วในทุกขั้นตอน ทำให้ต้นทุนลดลงอย่างชัดเจน เมื่อคลังสินค้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจของคุณก็พร้อมที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต ทำให้ทุกการตัดสินใจมาจากข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
หยุดทุกความวุ่นวายในการบริหารจัดการธุรกิจ "Stop busy start BEECY"
ทดลองใช้ BEECY ERP ฟรี! ลงทะเบียนเลย