ESG แนวคิดการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเป้าหมายสู่ความยั่งยืน
“The era of global warming has ended and the era of global boiling has arrived”
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับสภาวะโลกเดือด (Global Boiling) จากสาเหตุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น แนวคิด ESG ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่องค์กรทั่วโลกต่างให้ความสนใจ เพื่อสร้างความยั่งยืน (Sustainability) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกกำลังมุ่งสู่เทรนด์ ‘เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Sustainable Development Goals) หรือ SDGs 17 ประการภายในปี 2030
ในภาคธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว แนวคิด ESG จึงเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่คอยย้ำเตือนว่า การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักบรรษัทภิบาล
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความหมายของ ESG ที่ไม่ใช่เพียงแค่การรักษ์โลก แต่เป็นแนวคิดที่ครอบคลุมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
Table of Contents : เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้ตรงนี้เลย
จาก Digital Transformation สู่ ESG Transition: วิกฤตสู่โอกาสสำหรับธุรกิจยุคใหม่
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Digital Transformation เป็นเทรนด์สำคัญของธุรกิจทั่วโลก เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสใหม่ แต่ปัจจุบัน ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ทำให้ ESG กลายเป็นประเด็นเร่งด่วนสำหรับธุรกิจ
ESG ไม่ได้เข้ามาแทนที่ Digital Transformation แต่เป็นการต่อยอดและเสริมแกร่งธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการดำเนินงานด้าน ESG เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน หรือใช้ IoT ในการติดตามและจัดการการใช้พลังงาน การผสานแนวคิดทั้งสองช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมและเติบโตอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งด้านธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ESG: คลื่นลูกใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังซัดสาดทั่วโลกและไทย
ทำไม ESG จึงกลายเป็นวาระเร่งด่วนของโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับแนวคิด ESG ด้วยเหตุผลหลายประการ
ประการแรกมาจาก วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ตามรายงาน The Global Risks Report 2023 จาก World Economic Forum กล่าวว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่โลกกำลังเผชิญในระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่มีผลกระทบรุนแรงที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็นภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตและเศรษฐกิจทั่วโลก
และจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่า
เราไม่จำเป็นต้องดูหนังอย่าง The Day After
Tomorrow (2004) หรือ Don't Look Up (2021) เพื่อจินตนาการถึงความเสี่ยงที่โลกต้องเผชิญ แต่วันนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงเหล่านั้นอยู่ทุกวัน
ความเสี่ยงทั่วโลกจัดอันดับตามความรุนแรงในระยะสั้นและระยะยาว
ประการที่สอง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังการระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดแรงกดดันให้ธุรกิจต้องใส่ใจประเด็นทางสังคมมากขึ้น
ประการที่สาม ความต้องการธรรมาภิบาลที่ดีในองค์กร หลังจากเกิดเหตุอื้อฉาวทางการเงินและการทุจริตในหลายบริษัทใหญ่ นอกจากนี้ ผู้บริโภคและนักลงทุนรุ่นใหม่ต่างหันมาเริ่มให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ และเรียกร้องให้ธุรกิจแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อโลกและสังคมมากขึ้น
ESG: จากกระแสโลกสู่แรงตื่นตัวในไทย
สำหรับประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และมลพิษทางอากาศ อย่างที่เราเห็นได้เห็นว่า เชียงใหม่มีฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงเป็นอันดับ 1 โลก นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากคู่ค้าต่างประเทศที่ต้องการพันธมิตรที่ใส่ใจ ESG
ในขณะที่ไทยกำลังตื่นตัวกับกระแส Sustainability แต่โลกกำลังก้าวไปสู่เทรนด์ 'Regeneration' ซึ่งไม่เพียงแต่รักษาสภาพปัจจุบัน แต่ยังมุ่งฟื้นฟูและสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ภาครัฐของไทยเองก็ได้เริ่มตอบสนองแนวโน้มนี้ด้วยการออกนโยบายสนับสนุน ESG อย่างจริงจัง เช่น โมเดลเศรษฐกิจ BCG และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ในรายงานประจำปี
ภาคธุรกิจไทยจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ที่ไม่เพียงเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก แต่ยังต้อง Redesign ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิด Regeneration โดยคำนึงถึงทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เจ้าของ สังคม ซัพพลายเออร์ นักลงทุน ผู้บริโภค คอมมูนิตี คู่แข่ง และพาร์ตเนอร์ การนำแนวคิด ESG มาปรับใช้จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจไทยในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ESG คืออะไร? เจาะลึกความหมายที่ไม่ใช่แค่การรักษ์โลก
แล้ว ESG คืออะไร?
ESG ย่อมาจาก Environment, Social และ Governance เป็นแนวคิดที่ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี
นอกเหนือจากผลประกอบการทางการเงิน
E - Environment
(สิ่งแวดล้อม)
การพิจารณาผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งการใช้ทรัพยากร การปล่อยมลพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
องค์กรต้องรับผิดชอบลดผลกระทบเชิงลบและส่งเสริมการอนุรักษ์
S - Social (สังคม)
เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับ Stakeholder ทั้งภายในและภายนอก
ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า ชุมชน และสังคมโดยรวม ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น
สิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยในการทำงาน ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม
G - Governance (บรรษัทภิบาล)
เน้นที่โครงสร้างและกระบวนการบริหารจัดการองค์กรที่โปร่งใส
รับผิดชอบ และเป็นธรรม รวมถึงการกำหนดนโยบาย การบริหารความเสี่ยง
และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับ Stakeholder
แนวคิด ESG ไม่ได้แยกส่วนกันอย่างชัดเจน
แต่มีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมส่งผลดีต่อสังคมและชุมชน
ในขณะที่การมีธรรมาภิบาลที่ดีจะช่วยให้การดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไม ESG จึงมีความหมายมากกว่าแค่การรักษ์โลก
ESG ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษ์โลก
แต่เป็นแนวคิดที่ครอบคลุมหลายมิติของการดำเนินธุรกิจ
โดยช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ดึงดูดและรักษาพนักงาน บริหารความเสี่ยง
และกระตุ้นนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังช่วยให้องค์กรเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Stakeholder และเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบด้านความยั่งยืนที่อาจเข้มงวดขึ้นในอนาคต
การนำ ESG มาใช้ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร ESG จึงเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมและสมดุล นำไปสู่การสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับองค์กร Stakeholder และสังคมโดยรวม
ESG จึงเป็นแนวคิดการพัฒนาที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ESG เกี่ยวข้องกับ SDGs อย่างไร
SDGs (Sustainable Development Goals) เป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ประกอบด้วย 17
เป้าหมาย ที่ครอบคลุมประเด็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าภายในปี 2030
โดย SDGs สามารถจัดกลุ่มเชื่อมโยงกันได้ใน 5 มิติ (5P) ได้แก่
- People (มิติด้านสังคม): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 1-5 เน้นการขจัดความยากจน ความหิวโหย การมีสุขภาพที่ดี การศึกษาที่มีคุณภาพ และความเท่าเทียมทางเพศ
- Prosperity (มิติด้านเศรษฐกิจ): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 7-11 มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การมีงานที่มีคุณค่า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
- Planet (มิติด้านสิ่งแวดล้อม): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 6, 12-15 เกี่ยวกับการจัดการน้ำ การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ระบบนิเวศ
- Peace (มิติด้านสันติภาพและสถาบัน): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 16 เน้นการส่งเสริมสังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และมีสถาบันที่เข้มแข็ง
- Partnership (มิติด้านหุ้นส่วนการพัฒนา): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 17 เน้นการสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
กรอบแนวคิด SDGs และ ESG สอดรับกันในทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ESG เป็นเครื่องมือที่ธุรกิจใช้ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย SDGs:
- ด้านสิ่งแวดล้อม (E) สอดคล้องกับมิติ Planet ของ SDGs
- ด้านสังคม (S) สอดคล้องกับมิติ People และ Prosperity
- ด้านการกำกับดูแล (G) สอดคล้องกับมิติ Peace และ Partnership
ESG จึงเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางธุรกิจสู่ความยั่งยืน องค์กรที่มีคะแนน ESG สูงมักจะมีระบบบริหารจัดการที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ทำให้สามารถรับมือกับความท้าทายได้ดีกว่า ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับ Stakeholder ทุกกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทาง SDGs
BCG Model กลยุทธ์ขับเคลื่อน ESG
สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย
BCG Model คืออะไร?
BCG Model หรือ
Bio-Circular-Green Economy เป็นวาระแห่งชาติของไทยที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG โดยเน้นการใช้จุดแข็งของประเทศไทยในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
วัฒนธรรม และนวัตกรรม เพื่อต่อยอดให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
BCG Model เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
องค์ประกอบของ BCG Model
- Bioeconomy (เศรษฐกิจชีวภาพ): ใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการ โดยรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม
- Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน): ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ตลอดวงจรชีวิต
- Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว): มุ่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ESG เกี่ยวข้องกับ BCG Model อย่างไร
แม้ว่า ESG และ BCG Model จะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกัน
แต่ทั้งสองแนวคิดต่างมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย BCG Model สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย
ESG ดังนี้
- ด้านสิ่งแวดล้อม (E): BCG ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ลดของเสีย และรักษาสมดุลระบบนิเวศ
- ด้านสังคม (S): ช่วยสร้างงานในท้องถิ่น ยกระดับรายได้เกษตรกร และพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน
- ด้านธรรมาภิบาล (G): ส่งเสริมการบริหารจัดการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
BCG Model ช่วยต่อยอดจุดแข็งของไทยในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย การสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากของเสียในฟาร์ม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูงจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เติบโตอย่างยั่งยืน กับ 7 Guidelines เริ่มต้นทำ ESG สำหรับ SME ที่กำลังมองหาอนาคต
จากที่เราได้พูดคุยถึงประเด็น ESG กันมา จะเห็นได้ว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกขนาด รวมถึง SMEs ด้วย การนำแนวคิด ESG มาปรับใช้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม แต่ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และนี่คือ 7 Guidelines ที่จะช่วยให้ SME เริ่มต้นเส้นทาง ESG ได้อย่างมั่นใจ
1. สำรวจและทบทวนแนวทางเดิม: ตรวจสอบนโยบายปัจจุบัน วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน และรับฟังความคิดเห็นจาก Stakeholder
2. กำหนดเป้าหมาย ESG ที่ชัดเจนและวัดผลได้: ตั้งเป้าหมายที่สอดคล้องกับค่านิยมและกลยุทธ์องค์กร
3. พัฒนากลยุทธ์ ESG แบบองค์รวม: สร้างแผนงานครอบคลุมทุกด้าน กำหนดโครงการและตัวชี้วัด
4. สร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วม: ให้ความรู้ สื่อสารวิสัยทัศน์ และกำหนดผู้รับผิดชอบ
5. ติดตามและรายงานความคืบหน้า: สร้างระบบติดตามที่โปร่งใส เปรียบเทียบกับ KPI และสื่อสารผล
6. ประเมินและปรับปรุงต่อเนื่อง: ทบทวนกลยุทธ์ ติดตามแนวโน้ม และรับฟังข้อเสนอแนะ
7. แลกเปลี่ยนความรู้: สร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำ Knowledge Management
การนำ ESG มาปรับใช้ในธุรกิจ SMEs อาจดูเป็นความท้าทาย แต่ด้วยการเริ่มต้นทีละขั้นตอนและมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้สามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตได้
สรุป
ในยุคที่โลกเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ESG จึงกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลกและในไทย ซึ่งเป็นแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ลดความเสี่ยง และตอบสนองความคาดหวังของ Stakeholder ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย โดยทุกธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs สามารถเริ่มต้นทำ ESG ตั้งแต่วันนี้ เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว