ไขข้อสงสัย ระบบ ERP จาก BEECY แตกต่างกับ Odoo ERP อย่างไร?

​ ​เมื่อพูดถึง 'ระบบ ERP' (Enterprise Resource Planning) หรือ ระบบบริหารจัดการธุรกิจ ก็ปฏิเสธเลยไม่ได้ว่า Odoo นับว่าเป็นหนึ่งในระบบ ERP ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่บริษัทชั้นนำต่างให้ความไว้วางใจในการเลือกใช้งานและนำมาพัฒนาประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ในองค์กร 

​ ​ในขณะที่ BEECY ก็นับว่าเป็นระบบ ERP อีกตัวหนึ่ง ที่เลือกใช้ Odoo เป็นเฟรมเวิร์กในการพัฒนา เมื่อพูดถึงประโยคนี้ อาจชวนให้สงสัยว่าแล้ว ระบบ ERP จาก BEECY แตกต่างกับ Odoo ERP อย่างไร?

​ ​ในบทความนี้เราจะพามาไขข้อสงสัยว่า ระหว่างระบบ ERP ของ BEECY กับ ระบบ ERP ของ Odoo แต่ละตัวมีข้อดี-ข้อเสีย และจุดเด่น-จุดด้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง แต่ก่อนอื่นเราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับระบบ ERP ของแต่ละตัวกันก่อน

​ ​Odoo (โอดู) เป็นระบบ ERP สัญชาติเบลเยี่ยม ที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2005 โดยเป็นระบบที่เน้นการใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุมการทำงานหลายส่วน ตั้งแต่การทำเว็บไซต์, มาร์เก็ตติ้ง, การจัดการ CRM ไปจนถึงการจัดการหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น งานจัดซื้อ, คลังสินค้า, ผลิต, บัญชี-การเงิน รวมไปถึงงานบุคคล

​ ​BEECY (บีซี่) เป็นระบบ ERP สัญชาติไทย ที่ได้มีการเริ่มพัฒนาขึ้นมาในปี 2022 โดย บริษัท ทรีนิตี้ รูทส์ จำกัด หรือที่รู้จักกันชื่อ ‘Roots’ ผู้นำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ERP และเป็น Odoo Official Partner ประเทศไทย โดยพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีระบบ ERP ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจในประเทศไทยโดยเฉพาะ 

​ ​ซึ่ง BEECY ERP มีการพัฒนาระบบโดยเลือกใช้ Odoo เป็นเฟรมเวิร์กในการพัฒนา ด้วยความที่ Odoo และ ระบบ ERP ส่วนใหญ่ล้วนมาจากต่างประเทศ ทำให้ขั้นตอนการทำงาน, แบบฟอร์ม, รายงาน และเอกสารที่ต้องนำส่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ก็มักจะไม่ตรงกับการทำงานของประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นพิเศษ โดย BEECY ERP มีฟีเจอร์รองรับการทำงานตั้งแต่งานจัดซื้อ, คลังสินค้า, งานขาย และ บัญชี-การเงิน ทำให้สามารถจัดการและมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ในระบบเดียว

​ ​หลังจากที่เราได้รู้จักกับระบบแต่ละตัวไปอย่างคร่าว ๆ แล้ว ทีนี้เรามาดูความแตกต่างระหว่าง Odoo กับ BEECY ERP กันต่อว่าจะมีความเหมือน คล้าย หรือแตกต่างอย่างไรกัน

​ ​การใช้งานของทั้งสองระบบสามารถเข้าผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลยตามภาพ ทางด้านซ้ายจะเป็นภาพหน้าระบบของ BEECY ERP ส่วนทางด้านขวาจะเป็นของ Odoo ซึ่งเมื่อใช้งาน Odoo บนมือถืออาจไม่ได้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานในบางกรณี เนื่องจากไม่ได้ Responsive ทั้งหมด อาจจะต้องมีขยับซ้าย-ขวาบ้าง ในขณะที่ BEECY ERP ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบนมือถือได้สะดวกยิ่งขึ้น

​ ​ตัว Odoo เองอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบมีโมดูลมีฟีเจอร์ที่รองรับการทำงานที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่ในแต่ละจุดนั้นก็ยังไม่ลึกพอหรือยังไม่เหมาะกับกระบวนทำงานของธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะระบบบัญชีที่มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างของไทยกับต่างประเทศ

​ ​ในส่วน BEECY ERP ด้วยความที่ถูกพัฒนาเพื่อธุรกิจของคนไทยเป็นหลัก จึงมีฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการยื่นเอกสารให้กับสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองรับการใช้งานฝั่งบัญชีแบบจัดเต็ม ทั้งรายงานภาษีซื้อ-ขาย, เอกสารหัก ณ ที่จ่าย, ภ.พ. 30, ภ.พ. 36, ภ.ง.ด. 3, ภ.ง.ด. 53, ภ.ง.ด. 54 รวมถึง งบการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น งบทดลอง, งบกำไรขาดทุน, งบแสดงฐานะการเงิน พร้อมฟีเจอร์ในการปิดงบ

​ ​นอกจากฟีเจอร์ในฝั่งบัญชีแล้ว ตัว BEECY ERP เองก็ยังรองรับกระบวนการต่าง ๆ ที่ธุรกิจไทยมักใช้งาน เช่น การจัดการการขอซื้อ, การตั้งค่าการอนุมัติเอกสารต่างๆ, การสแกนบาร์โค้ดเอกสาร-สินค้า และการเชื่อมต่อกับ Marketplace เจ้าต่าง ๆ

👇🏻😊

เรียนรู้ฟีเจอร์การทำงานเพิ่มเติมจาก BEECY

​ ​ถึงแม้ Odoo จะรองรับการแปลภาษาเพื่อให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคนที่มีความถนัดทางภาษาที่แตกต่างกันได้ แต่ด้วยความที่การแปลภาษาของ Odoo เป็นการดึงนักพัฒนาจากหลาย ๆ ที่มาช่วยกันแปล ข้อความที่แปลจึงอาจจะมีความอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือไม่ตรงกับบริบทของการดำเนินการนั้น ๆ อยู่บ้าง รวมถึงรูปแบบการ Support ที่ต้องติดต่อผ่านอีเมล และต้องติดต่อเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะเป็นระบบของต่างชาติ จึงทำให้หากติดปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็อาจจะมีการสื่อสารกันที่ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน

​ ​ในขณะที่ BEECY ERP ด้วยความที่ทีมพัฒนาเป็นคนไทย บริษัทอยู่ในไทย ทำให้มีเข้าใจบริบทของคนไทยมากกว่า และด้วยประสบการณ์ของทีมงานในการพัฒนาระบบ ERP ให้กับองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 10 ปี ทำให้มีความเข้าใจธุรกิจของคนไทย พร้อมแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด รวมถึงช่องทางในการ Support ก็มีหลากหลายและเหมาะกับคนไทยมากกว่า ทั้ง Line, โทรศัพท์ หรือสามารถส่งข้อความขอความช่วยเหลือได้ผ่านตัวระบบได้ทันที

​ ​จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า แม้ BEECY ERP จะเลือกใช้ Odoo เป็นเฟรมเวิร์กในการพัฒนา แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งในเรื่องของ UX/UI ของระบบ, ฟีเจอร์การทำงานที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อธุรกิจของไทยโดยเฉพาะ รวมถึงภาษาและการ Support ทำให้ BEECY เป็นระบบ ERP ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคนไทยมากกว่า Odoo นั่นเอง

​ ​ ​หากสนใจนำระบบ ERP เข้ามาใช้ในองค์กร ติดต่อ BEECY ได้เลย