5 กลยุทธ์ เก็บ Lead อย่างไรให้ได้คุณภาพ
โดยใช้ระบบ ERP
การเก็บ Lead คุณภาพเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง ธุรกิจคู่แข่งพร้อมที่จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอยู่เสมอ หากธุรกิจของเราไม่สามารถที่จะรักษากลุ่มเป้าหมายเอาไว้ได้ ก็อาจส่งผลให้เสียผลประโยชน์ในระยะยาว แต่การที่จะเก็บ Lead คุณภาพ เพื่อให้ราสามารถแปลง Lead เหล่านั้นป็นลูกค้าจริง ๆ ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่งจุดนี้เองนับว่าเป็นความท้าทายของธุรกิจยุคใหม่
ในบทความนี้เราจะพาไปเปิด 5 กลยุทธ์เก็บ Lead ยังไงให้ได้คุณภาพโดยใช้ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคุณภาพ Lead ของเราที่มีอยู่ในมือ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับความหมายของ Lead Generation กันก่อน
Lead Generation คืออะไร?
Lead Generation คือ กระบวนการสร้างลูกค้าเป้าหมาย หรือกลุ่มคนที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธุรกิจของเรานำเสนอออกไป ซึ่งกระบวนการนี้เองที่จะทำให้สามารถได้ Lead ที่มีคุณภาพเข้ามาอยู่ในมือ การสร้างกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลยุทธ์การตลาดและการขายที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจและทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ B2C หรือ B2B ซึ่งกระบวนการได้มาของ Lead Generation ที่มีคุณภาพต่างมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันตามประเภทของธุรกิจ โดยอาจจะเริ่มตั้งแต่ การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ยิงโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ หรือขยับมาในธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็อาจจะจัดงาน Event เพื่อให้คนลงทะเบียน หรือให้ทีม Sales ปิดการขายการกับลูกค้า
เมื่อ Lead Generation ทำให้เราได้ข้อมูล Lead มาเรียบร้อยแล้ว แต่การที่จะเก็บข้อมูล Lead เหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาช่วย โดยบางธุรกิจอาจมีการเก็บข้อมูล Lead ตั้งแต่การบันทึกด้วยมือ การใช้โปรแกรม Excel โปรแกรม CRM หรือใช้ระบบ ERP ซึ่งก็แน่นอนว่าเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ Lead แต่ละธุรกิจก็มักจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดและความต้องการของธุรกิจตนเอง
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 5 กลยุทธ์เก็บ Lead ยังไงให้ได้คุณภาพโดยใช้ระบบ ERP ซึ่งเป็นระบบที่สามารถเก็บ Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับธุรกิจ SMEs
กลยุทธ์เก็บ Lead ยังไงให้ได้คุณภาพโดยใช้ระบบ ERP ทำยังไงได้บ้าง?
มาดูไปด้วยกันเลย
1. ใช้งานระบบ CRM ร่วมกับ ERP
ข้อได้เปรียบที่ ERP สามารถทำได้มากกว่าระบบ CRM ทั่วไปคือ ระบบ ERP สามารถที่จะใช้งานโมดูล CRM (Customer Relationship Management) ได้เลยในระบบ โดยที่ไม่ต้องใช้โปรแกรมหรือซอฟแวร์อื่น ๆ แยกให้วุ่นวายและซ้ำซ้อน ซึ่งระบบ CRM จะช่วยให้เราสามารถติดตามและจัดการความสัมพันธ์กับ Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถที่จะเก็บข้อมูล Lead ที่เราได้มา ตั้งแต่ข้อมูลทั่วไปอย่าง ชื่อ-สกุล อีเมล เบอร์โทร หรือข้อมูลเฉพาะด้านมากขึ้นอย่าง ความชอบ พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้า และเรายังสามารถใช้ประโยชน์จาก CRM ได้มากกว่าเดิม ด้วยการติดตามสถานะของลูกค้า จัดลำดับความสำคัญ และคาดการณ์การปิดยอดได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เองที่เราบันทึกเข้าไปจะช่วยให้เราสามารถที่จะเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการแปลง Lead เหล่านี้ให้กลายเป็นลูกค้าจริงได้
นอกจากนี้ CRM ยังสามารถที่จะเชื่อมโยงกับการทำงานของฝ่ายอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบงานขาย ระบบจัดซื้อ ระบบบัญชี หรือระบบคลังสินค้า ทำให้กระบวนการทำงานของทุกฝ่ายมีความเป็นระบบและราบรื่นมากขึ้น
2. ตรวจสอบข้อมูล Lead อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อเราใช้ประโยชน์ของระบบ ERP ด้วยการใช้โมดูล CRM เข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูล Lead สิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอลำดับถัดไป คือ การตรวจสอบข้อมูล Lead และสถานะของแต่ละ Lead ว่ามีความพร้อมในการเป็นลูกค้าหรือไม่ พร้อมกับอัพเดทข้อมูลตามความเป็นจริง เพื่อให้เราสามารถที่จะวางแผนหรือนำเสนอสินค้าบริการกับแต่ละ Lead ได้ต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ข้อมูลของเรามีความถูกต้องและครบถ้วนตลอดเวลา
3. ใช้ประโยชน์จากรายงานและแดชบอร์ด เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
ERP ช่วยให้เราสามารถสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล Lead ได้อย่างรวดเร็ว และยังมีการอัพเดทข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้การนำข้อมูลมาใช้ทำได้อย่างทันทีและมีความแม่นยำ เมื่อทีมขายหรือทีมการตลาดต้องการข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการสร้างแคมเปญต่าง ๆ ก็สามารถดึงมาใช้ได้ในทันที ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของเราได้ดียิ่งขึ้น และสามารถปรับเป้าหมายและกลยุทธ์การตลาดได้ตรงตามความต้องการ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนจาก Lead ที่สนใจในสินค้าหรือบริการ ไปสู่ลูกค้าจริงที่พร้อมจ่ายให้กับคุณค่าของธุรกิจเรา
4. สร้างกระบวนการทำงานร่วมกันที่ดีของทีม
ระบบ ERP ช่วยให้ทีมขายและทีมการตลาดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากข้อดีจุดนี้ของ ERP จะทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Lead สามารถถูกแชร์และอัพเดตได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มความรวดเร็วในการติดตาม Lead
5. หยุดการทำงานแบบ Manual ด้วยระบบ Automation
ระบบ ERP ในปัจจุบันถูกอัปเกรดให้มาพร้อมกับความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อลดความผิดพลาดและประหยัดเวลาในการทำงาน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความสามารถในการสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้น เช่น การป้อนข้อมูล การติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทางอีเมล และการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมาย ทำให้ทีมสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงได้
การใช้ระบบ ERP เพื่อเก็บ Lead คุณภาพ เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำในการจัดการข้อมูล Lead ของธุรกิจ เราสามารถตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลให้เรียลไทม์ได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับกลยุทธ์การตลาด และทำงานร่วมกันในทีมเพื่อปรับปรุงคุณภาพข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถใช้ระบบ ERP ร่วมกับ CRM เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับ Lead และเพิ่มโอกาสในการแปลง Lead เหล่านี้ให้กลายเป็นลูกค้าจริง ๆ ที่สนใจและมีคุณค่าต่อธุรกิจของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
สนใจอยากเริ่มต้นใช้ CRM คลิกเลย!