ทำความเข้าใจ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by E-mail สำหรับผู้ประกอบการ
ทำไมต้องทำใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงิน ให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
ด้วยรัฐบาลมีนโยบายผลักดันระบบการชำระเงินของประเทศให้เข้าสู่ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) กรมสรรพากรจึงได้พัฒนาระบบบริการจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) ในรูปแบบใหม่
โดยกำหนดหลักเกณฑ์และพัฒนาระบบให้มีความยืดหยุ่นและสะดวกในการใช้งาน ปรับปรุงรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นมาตรฐานสากล ตามข้อเสนอแนะของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากล
ข้อดีของการทำ e-Tax Invoice
1) ส่งเสริมและสนับสนุนนโยบาย Thailand 4.0 และ National e-Payment
2) รองรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
3) ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการของภาครัฐและภาคเอกชน
4) ลดการใช้เอกสารในรูปแบบระดาษ ช่วยลดภาวะโลกร้อน
5) เพิ่มความมั่นใจ ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
2 วิธีในการจัดทำ e-Tax Invoice
วิธีที่ 1 ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ (ไม่จำกัดรายได้) จัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องมีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และมีหน้าที่นำส่งข้อมูลให้สรรพากร
วิธีที่ 2 ระบบ e-Tax Invoice by Email
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี จัดทำเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ส่งอีเมลถึงผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการพร้อมสำเนา CC ไปยังระบบกลาง เพื่อการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ซึ่งระบบจะนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ